กลยุทธ์สร้าง "คน" ให้อยู่เหนือ "หุ่นยนต์" ในยุค4.0

  • 11 May 2020
  • 2749
หางาน,สมัครงาน,งาน,กลยุทธ์สร้าง

 

เข้าสู่ยุค Thailand 4.0 ที่ใคร ๆ ต่างก็บอกว่าเทคโนโลยีจะเข้ามีบทบาทเพิ่มมากขึ้นและจะเข้ามาทำงานแทนที่มนุษย์อย่างเรา ในโรงงานอุตสาหกรรมมีการนำเอาหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติมาใช้เพิ่มมากขึ้น ธนาคารใหญ่กำลังทยอยปิดสาขา ธุรกรรมต่าง ๆ ที่ผู้ใช้ไม่เชื่อมั่นคนกลางอีกต่อไป ไม่ใช่กับแค่คนทำงานหรือผู้ประกอบธุรกิจเท่านั้นที่นั้นที่ตื่นตัว แต่เว็บไซต์หางานก็ต้องมีการปรับตัวเช่นกัน แล้วทีนี้เว็บไซต์หางานต่าง ๆ จะมีกลยุทธ์มารับมือกับการเปลี่ยนแปลงนี้ยังไง?

 

 

เพื่อตอบข้อสงสัยของทุกคน วันนี้ Marketeer เลยได้ต่อสายตรงไปยัง คุณทัศไนย เหมือนเสน หรือ คุณปุย รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท จัดหางาน จ๊อบบีเคเค จำกัด ที่ได้มาให้มุมมองเกี่ยวกับวิธีการปรับตัวของเว็บไซต์ JOBBKK.COM หนึ่งในเว็บไซต์หางานชั้นนำของไทย ได้แสดงความคิดเห็นเอาไว้ได้อย่างน่าสนใจ

โดยบทความนี้จะแบ่งออกเป็น 3 มุมมอง เพื่อให้ทุกคนได้อ่านกันแบบง่าย ๆ ซึ่งจะเป็นคอนเทนต์ที่ครอบคลุมตั้งแต่คนทำงาน ผู้ประกอบการ รวมไปถึงการปรับตัวของเว็บไซต์หางานอย่างJOBBKK.COM เอง เรียกได้ว่าอ่านแค่บทความเดียว แต่สามารถตอบคำถามของการปรับตัวในการทำงานได้ทั้ง Ecosystem เลยทีเดียว ส่วนจะเป็นอะไรบ้าง ? ตามมาอ่านกันเลยดีกว่า

 

ในมุมมองของมนุษย์เงินเดือนอย่างเรา ๆ ต้องปรับตัวยังไง ?

ไม่อยากให้เทคโนโลยีเข้ามาแทนที่ ต้องอย่าท่อง Script ทำงาน

เวลาทำงาน ถ้าเราทำงานแบบให้ผ่านไปวัน ๆ ทำงานซ้ำ ๆ ในรูปแบบเดิม ๆ ตัวงานไม่สามารถเพิ่มคุณค่าด้วยความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมได้ เป็นสัญญาณอันตรายที่งานของคุณจะถูกแทนที่ได้ในอนาคตแน่นอน

สิ่งที่ทำให้เทคโนโลยีเริ่มจะเข้ามาแทนที่มนุษย์อย่างเรา ๆ นั่นก็คือ การที่ระบบอัตโนมัติหรือหุ่นยนต์สามารถผลิตซ้ำได้อย่างสม่ำเสมอ ในต้นทุนที่ต่ำกว่ามนุษย์มาก ที่สำคัญไม่ดราม่าด้วย

คุณปุยจึงบอกว่า ถ้าหากไม่อยากโดนองค์กรเทหรือเทคโนโลยีมาแย่งงานไป เราต้องห้ามท่อง Script ไปทำงาน เราต้องมีการปรับตัวให้เข้ากับงานยุคใหม่ เพื่อเข้าถึงหัวใจลูกค้า และงานที่ต้องเผชิญหน้ากับลูกค้า (facing to customer) เช่น facing sale หรือ HR เป็นต้น ยังคงเป็นที่ต้องการในธุรกิจ เพราะมนุษย์ยังไม่เชื่อมั่นในหุ่นยนต์ในระยะเริ่มแรก

สิ่งเดียวที่มนุษย์จะไม่สามารถถูกแทนที่ด้วยหุ่นยนต์ได้คือ ความคิดสร้างสรรค์ (creative thinking) และต้องเริ่มที่จะพัฒนาความองค์ความรู้ (Hard skills) ที่สูงขึ้น จะต้องมีการเรียนรู้และพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา รวมถึงการพัฒนาทักษะ (Soft skills) ใหม่ ๆ ในการทำงานเพิ่มขึ้นด้วย

 

 

ยุคทองของ STEM

คุณปุยบอกต่อว่า STEM เป็นศาสตร์ของความรู้ที่มาจาก 4 สาขาวิชา คือ S = Science (วิทยาศาสตร์) T = Technology (เทคโนโลยี) E = Engineering (วิศวกรรมศาสตร์) M = Mathematic (คณิตศาสตร์)องค์ความรู้วิชาการของศาสตร์ทั้งสี่ที่มีความเชื่อมโยงกัน

ในยุค Thailand 4.0 นั้น คนทำงานสมัยใหม่ต้องศึกษาองค์ความรู้เพิ่มเติมจาก 4 ศาสตร์วิชาเพื่อนำมาบูรณาการเข้าด้วยกันในการดำเนินชีวิตและการทำงาน ยกตัวอย่างให้เห็นเป็นรูปธรรม เช่น คนที่เรียนจบทางด้านเกษตรกรรม ต้องนำเอาเทคโนโลยีต่าง ๆ มาเชื่อมโยงกันเพื่อให้เป็น smart agriculture หรือ smart farm สามารถสร้างผลผลิตและเพิ่มมูลค่าในการทำการเกษตรในอนาคตได้ เพื่อพัฒนาตนเองให้เป็น smart people รองรับ Thailand 4.0

 

ในมุมมองผู้ประกอบธุรกิจก็ต้องปรับตัวให้ทันตามเทรนด์

อย่ามุ่งเน้นแต่แทนที่ เน้นให้เร่งพัฒนาทักษะคน

คุณปุยได้ยกกรณีตัวอย่างของ Industry 4.0 ในประเทศเยอรมัน ให้ฟัง โดยอ้างข้อมูล Man and Machine in industry 4.0, Boston Consulting Group 2015 ได้ทำการรวบรวมข้อมูลและพยากรณ์เกี่ยวกับงานในอุตสาหกรรม โดยทำการรวบรวมข้อมูลจากคนทำงาน 7 ล้านคน ใน 40 สาขาอาชีพ เพื่อเป็นกรณีศึกษาได้ว่า

ในปี 2015-2025 ตำแหน่งงานเกี่ยวกับทางด้านการผลิตในโรงงานจะถูกแทนที่ด้วยระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ ประมาณ 610,000 คน แต่ในขณะเดียวกันจะมีการเพิ่มตำแหน่งงานทางด้าน IT , นักวิทยาศาสตร์ทางด้านข้อมูล (Data Scientist) , งานทางด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) , นักพัฒนาซอฟต์แวร์ (Software Development) และงานทางด้านการควบคุมหุ่นยนต์ (Robot Coordinate) จะเพิ่มขึ้นมา 960,000 อัตรา ซึ่งจะเห็นได้ว่าในยุค Industry 4.0 ในประเทศเยอรมัน จะสร้างอาชีพเพิ่มขึ้นถึง 350,000 อัตรา ไหนใครบอกจะมาแทนที่ล่ะ???

แต่คนทำงานต้องมีการพัฒนาทักษะ ความรู้และความสามารถที่สูงขึ้น ฉะนั้นทุกธุรกิจต้องเตรียมรับมือให้พร้อมตั้งแต่ตอนนี้ เริ่มต้นพัฒนาทักษะ ความรู้และความสามารถของพนักงานในทิศทางที่ถูกต้อง เพื่อให้มีแรงงานพร้อมใช้เมื่อถึงเวลา!

 

องค์กรก็ต้องมีการปรับตัว

ประเด็นที่สำคัญอีกส่วนหนึ่ง องค์กรส่วนใหญ่ก็ต้องมีการปรับด้าน workplace ให้เป็น dynamic workplace ไม่ต้องเข้าออฟฟิศก็ทำงานได้ หรือบางที่เป็น hybrid workplace ที่คนต้องทำงานร่วมกับหุ่นยนต์ ด้วยเทรนด์ต่าง ๆ ที่เปลี่ยนไป บวกกับเทคโนโลยีที่รองรับในปัจจุบัน ทำให้คนทำงานสามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้

คนบางกลุ่มจึงเริ่มที่จะทำงานแบบ Work Where I Want หรือทำงานจากที่ไหนก็ได้ ไม่ต้องตอกบัตร ไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง มี software ที่เข้ามาใช้ในการบริหารงานและบริหารคนผ่านระบบ Cloud Computing ที่สามารถเข้าถึงตลอดเวลา แต่ได้งานดีกว่าเดิมและไม่ใช่แค่กับคนทำงานที่จะได้ประโยชน์จากตรงนี้เท่านั้น แต่ตัวผู้ประกอบการเองก็สามารถประหยัด Cost ไม่ว่าจะเป็นค่าน้ำ ค่าไฟ ที่จ่ายน้อยลงอีกด้วย ที่สำคัญ เผลอ ๆ อาจจะได้คุณภาพที่ดีกว่าเดิมด้วยซ้ำ !

 

การปรับตัวของเว็บไซต์หางาน JOBBKK.COM

ทั้งคนกรุงเทพและต่างจังหวัด ต่างก็มีค่านิยมในการทำงานที่เปลี่ยนไป

จากที่เคยมีค่านิยมในการเรียนสูง ๆ เพื่อจะได้เงินเดือนเยอะ ๆ ได้ทำงานกับบริษัทใหญ่ ๆ ตอนนี้ความคิดของเด็กจบใหม่และ First Jobbers ในกรุงเทพฯ เริ่มเปลี่ยนไป ไม่ใช่ไม่อยากได้เงินเยอะ แต่เป็นเพราะพวกเขาไม่อยากเป็นลูกน้องใครซึ่งนี่เป็นผลพวงจากกระแส Young Entrepreneurs ที่อายุน้อยแต่ก็สามารถประสบความสำเร็จได้

ส่วนคนต่างจังหวัด จากแต่ก่อนที่เรียนแล้วจะต้องเข้ามาหางานในกรุงเทพฯ คนกลุ่มนี้เริ่มหันกลับมาทำงานที่บ้านเกิดของตัวเองมากขึ้น ซึ่งค่านิยมตรงนี้มาจากเหตุผลที่ว่า ค่าครองชีพในต่างจังหวัดนั้นถูกกว่าที่กรุงเทพมาก บวกกับโครงสร้างพื้นฐานในต่างจังหวัดที่พัฒนาไปมาก

ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้เว็บไซต์ JOBBKK.COM มีนโยบาย “JOBBKK.COM หางานทั่วไทย ไปทุกภาค” เพื่อลด digital divide (ความเหลื่อมล้ำในสังคม) โดยกระจายงานออกไปสู่ภูมิภาค เพิ่มภาวะการมีงานทำเพื่อสนับสนุนไทยแลนด์ 4.0 และนโยบายของภาครัฐ ในยุคที่เทคโนโลยีจะเข้ามาทำงานแทนมนุษย์

การใช้กลยุทธ์และ workforce Educate ตลาด ที่ทำตั้งแต่เด็กปี 1 เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องก่อนที่จะเข้าสู่การเรียน ซึ่งโดยส่วนใหญ่บริษัทจัดหางาน ก็จะมุ่งเน้นไปยังเด็กจบใหม่หรือเด็กปี 3 ปี 4 แต่ก็แปลกใจว่า JOBBKK.COM กลับมุ่งเน้นที่จะทำตลาดไปยังเด็กปี 1 ด้วยวิธีการ Educate ที่ให้ความรู้ รวมถึงการแนะแนวความชอบตั้งแต่ต้นทาง

“สาเหตุที่ผมเลือก Educate เด็กตั้งแต่ยังอยู่ปี 1 ก็เพราะว่า จากการไปเป็นวิทยากรให้ความรู้ตามมหาวิทยาลัยต่าง ๆ แล้วลองสำรวจความคิดของเด็กปี 4 ว่า ทำไมถึงเลือกเรียนในสิ่งที่กำลังเรียนอยู่ เชื่อไหมว่าคำตอบมากกว่าครึ่ง บอกผมว่าเพราะไม่รู้จะเรียนอะไร หรือไม่ก็เป็นเพราะพ่อ-แม่บอกให้มาเรียน จบมาก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำอะไร เรียนแค่เอาใบปริญญาเท่านั้น”

คำตอบตรงนี้เอง ทำให้คุณปุยรู้สึกว่าจริง ๆ แล้วสิ่งที่ทำให้เด็กถอดใจไม่เรียนต่อ หรือตัดสินใจซิ่ว เพื่อจะเปลี่ยนไปเรียนสาขาอื่น ๆ ที่ตัวเองได้ค้นพบ จนทำให้เสียเวลาไปอย่างน้อยก็ 4 ปี ไม่ใช่เพราะอาจารย์สอนไม่สนุก แต่เพราะพวกเขาไม่ได้ชอบสิ่งที่เรียนอยู่จริง ๆ หรือยังค้นหาตัวเองไม่เจอต่างหาก

เมื่อ JOBBKK.COM เห็นปัญหาตรงนี้จึงได้เข้าไปช่วยสถาบันการศึกษาในการให้ความรู้ ความเข้าใจและแบ่งปันประสบการณ์กับนักศึกษาตั้งแต่ปฐมนิเทศน์เพื่อแนะแนวทางที่ถูกต้องในการวางแผนทางด้านอาชีพกันตั้งแต่ปีแรกของการเข้าสู่การศึกษาระดับมหาวิทยาลัย

 

 

เตรียมเปิดตำแหน่งงานใหม่ที่รองรับ ไม่ใช่แค่งานไม่ประจำ

เพราะงานในอนาคตรูปแบบของงานจะเปลี่ยนจากงานประจำ (Permanent Jobs) เป็นงานชั่วคราว (Temporary Jobs) งานแบบเป็นชิ้นงาน (Tasks) หรืองานประจำจะถูกให้ผู้เชี่ยวชาญข้างนอกจะเข้ามามีส่วนร่วมเพิ่มมากขึ้นในรูปแบบงาน Outsourcing

ในอนาคตคนทำงานเก่ง ๆ ไม่จำเป็นต้องทำงานวันละ 8 ชั่วโมงจากที่ผมมีข้อมูลหลาย ๆ ประเทศมีจำนวนชั่วโมงการทำงานลดลงอย่างเห็นได้ชัดแต่ได้งานมากกว่าเดิม ทำให้คนทำงาน ทำงานเพียงแค่ที่คุณต้องการเท่านั้น “Work when you want” ก็สามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงกว่าในปัจจุบัน

เมื่อผู้คนเริ่มหันมาทำงานแบบ “Work When you want” กันมากขึ้น ภายในไม่เกิน 6 เดือนข้างหน้าเว็บไซต์ JOBBKK.COM ก็เลยเตรียมที่จะเปิดให้มีการหางานในรูปแบบ Freelance, OutSource และการบริหารการจัดการงานแบบ Task ในระบบ

นอกจากตำแหน่งงานแบบ impermanent job แล้ว ทางเว็บไซต์ JOBBKK.COM ก็ยังมี Category งานในรูปแบบของสหกิจศึกษาที่จะทำร่วมกับบริษัทเอกชนและมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ทั่วประเทศอีกด้วย

ถามว่าสหกิจศึกษาคืออะไร ? อธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ มันก็เหมือนการฝึกงานเนี่ยแหละ เพียงแต่เป็นการปฏิบัติงานจริงเหมือนกับเป็นพนักงานของบริษัทนั้นจริง ๆ มีการประเมินผลงานจริง โดยยังไม่จำเป็นจะต้องมีใบปริญญามาการันตี

ซึ่งระบบสหกิจศึกษายังทำให้เหล่านักศึกษาได้เตรียมพร้อมต่อโลกการทำงานจริง ๆ อีกด้วยและถ้าทำงานได้ดี นี่คือโอกาสที่บริษัทนั้น ๆ จะว่าจ้างนักศึกษาให้เข้ามาเป็นพนักงานต่อในระยะยาว

 

นำเทคนิคการ Machine learning และ Data Analytics มาวิเคราะห์งานที่ตรงใจได้ตรงจุดมากขึ้น

นอกจากการ Educate ตลาดผ่านการใส่คอนเทนต์ลงไปในเว็บไซต์ อีกหนึ่งสิ่งที่ทำ JOBBKK.COM โดนเด่นกว่าเว็บไซต์หางานเจ้าอื่นนั่นก็คือการนำเทคโนโลยี Machine learning (การทำให้ระบบคอมพิวเตอร์สามารถเรียนรู้ข้อมูลและทำนายข้อมูลได้) และ Data Analytics ที่เกิดจาก Big Data เข้ามาใช้

พูดไปอาจจะยังไม่เข้าใจ ถ้าอย่างนั้น Marketeer ก็ขอยกตัวอย่างให้ทุกคนได้เห็นภาพกันเลยดีกว่าโดยปกติแล้ว การเข้ามาหางานของคน ๆ หนึ่งในเว็บไซต์ จะใช้เวลาในการหาประมาณ 15 วัน ซึ่งการจะเข้ามาหางานใน JOBBKK.COM ได้จำเป็นจะต้อง Register แล้ว Log-In เข้าระบบเสียก่อน เมื่อ Log-In เข้ามาหางาน ระบบก็จะดึงข้อมูลของคุณที่เคยใส่ไว้ตอน Register และพฤติการใช้งานมาวิเคราะห์ เพื่อคุณจะสามารถหางานที่เหมาะกับตัวเองได้ง่ายขึ้น สะดวกมากขึ้น และนั่นก็นำมาซึ่งโอกาสของการได้งานที่เร็วขึ้นด้วยเช่นกัน

เพราะในระบบของ JOBBKK.COM มีตำแหน่งงานให้เลือกกว่า 150,000 อัตรา ถ้าจะให้ User เข้ามาตามหากันเอง ก็คงจะเป็นอะไรที่เสียเวลาไม่ใช่น้อย ระบบนี้จะทำให้เว็บไซต์ JOBBKK.COM มีความฉลาดขึ้นและช่วยหางานให้คุณตรงใจมากขึ้นในระยะเวลาที่สั้นลง

ก่อนจะวางสายจากกันไป คุณปุย ยังได้ฝาก 6 Soft Skills ใหม่สำหรับยุคไทยแลนด์ 4.0 หลักที่ทั้งคนทำงาน เด็กจบใหม่ และผู้ประกอบการน่าจะเอาไปปรับใช้ได้ ซึ่ง 6 Soft Skills ที่ว่านั้นก็คือ

 

 

1.Adaptation (การปรับตัว): อย่างที่บอกไปในตอนแรก ว่าทุกวันนี้โลกเปลี่ยนไปไว โดยเฉพาะกับโลกในยุคดิจิทัล ถ้าเราไม่รู้จักปรับตัว (digitize) ตัวเอง มีทักษะทำเป็นแค่อย่างเดียว รับรองว่าอนาคตลำบาก!

2.Culture Fit (เข้ากับวัฒนธรรมองค์กร): ถ้าแปลตรง ๆ เลย ก็หมายถึงการปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมขององค์กร ซึ่งเมื่อองค์กรต้องการคนรุ่นใหม่ที่ทันสมัย สามารถเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ได้เร็ว ซึ่งก็ต้องอาศัยทักษะ Adaptation ในข้อแรกเข้ามาช่วยตรงนี้ด้วย ให้เข้ากับองค์กร ร่วมพัฒนาและเติบโตไปกับองค์กรได้

3.Collaboration (การทำงานร่วมกัน): หากเป็นการทำงานสมัยก่อนคงจะใช้คำว่า Team Work ซึ่งต้องการผู้นำ เพื่อทำให้ team นั้น work แต่ด้วยเทรนด์ Hybrid workplace หรือออฟฟิศยืดหยุ่นที่สามารถทำงานที่ไหนก็ได้เทคโนโลยีจะกลายเป็นศูนย์รวมของการ Brainstorms มากกว่าห้องประชุม จากคำว่า Teamwork จึงต้องเปลี่ยนเป็นคำว่า Collaboration ตามรูปแบบการทำงานที่เปลี่ยนไป ไม่แน่ในอนาคตเราจะต้องทำงานร่วมกับหุ่นยนต์

4.Leadership (ภาวะผู้นำ): แต่อาจจะไม่ถึงกับต้องเป็นผู้นำ แต่อย่างน้อยคุณต้องมีทักษะพูด คิด และทำงานนั้นเพื่อที่จะทำให้คนอื่นคล้อยตามในสิ่งที่คุณทำได้ เพื่อสร้างนวตกรรมใหม่ที่แตกต่างและดีกว่า ซึ่งอาจจะต้องใช้ร่วมกับ critical thinking ที่เป็นทักษะที่สามารถนำเสนอสิ่งที่ดีกว่า แต่ไม่สร้างความแตกแยกทางความคิด

5.Growth Potential (ศักยภาพพัฒนาได้): งานที่คุณทำต้องมีการเติบโตที่วัดผลได้ และต้องไปในทิศทางเดียวกับองค์กร เพราะถ้ามัวแต่ทำอะไรที่ย่ำอยู่กับที่ แน่นอนว่า Career Path ของคุณก็คงจะไม่ขยับไปไหน

6.Prioritization (ทักษะการจัดลำดับความสำคัญ): ในการทำงานในยุค Industry 4.0 เมื่องานแบ่งเป็น tasks จะทำให้มีงานเข้ามาพร้อมกันในเวลาเดียวกันเป็นจำนวนมาก คนทำงานต้องมีการจัดลำดับความสำคัญที่ดี เพื่อให้งานสำเร็จลุล่วงไปได้ในเวลาที่กำหนด!

JOBBKK.COM © Copyright All Right Reserved

Jobbkk has only one website. In no case, we have an affiliate, agent or appointee. Please do not rely on any other website, email, telephone, SMS or other contacting channel. If it is a case, we will prosecute under a lawsuit in the upmost as allowed. DBD

Top