ไล่ฟัน ทุบรถ ฉกทรัพย์! เลียบด่วนฯ แดนอันตราย ไขปริศนาไฉนคดีไร้คืบ

  • 11 May 2020
  • 1384
หางาน,สมัครงาน,งาน,ไล่ฟัน ทุบรถ ฉกทรัพย์! เลียบด่วนฯ แดนอันตราย ไขปริศนาไฉนคดีไร้คืบ

ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา คดีคนร้ายทุบกระจกรถยนต์ที่จอดอยู่ข้างทางเกิดขึ้นบ่อยครั้ง แต่ละรายสูญเสียทรัพย์สินไปจำนวนไม่น้อย บางรายทรัพย์สินสูญหายมูลค่าเป็นหลักหมื่นหลักแสน หรือบางรายโชคร้ายอาจถึงขั้นสูญเสียรถไปทั้งคัน และแม้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจในแต่ละท้องที่จะเพิ่มมาตรการส่งสายตรวจเฝ้าระวังอย่างเข้มข้นแล้วก็ตาม แต่คนร้ายยังคงอาศัยช่องโหว่และโอกาสในการลงมือก่อเหตุได้อย่างต่อเนื่องนับครั้งไม่ถ้วน... 

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ได้ลงพื้นที่สำรวจและรวบรวมตัวเลขคดีคนร้ายทุบกระจกรถยนต์ที่ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะบริเวณเลียบทางด่วนรามอินทรา ทำให้ประชาชนในพื้นที่ต้องคอยระมัดระวังเป็นพิเศษ ตัวเลขคดีเกิดขึ้นบ่อยครั้งแค่ไหน จะเป็นสิ่งสะท้อนการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่ละท้องที่หรือไม่? รวมถึงหลังจากนี้ ทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจ และ กทม. จะเดินหน้าเพิ่มมาตรการและแนวทางแก้ไขปัญหานี้จริงจังให้ประชาชนมั่นใจได้อย่างไร...!?

 

คดีคนร้ายทุบกระจกรถยนต์ที่จอดอยู่ข้างทางเกิดขึ้นบ่อยครั้ง แต่ละรายสูญเสียทรัพย์สินไปจำนวนไม่น้อย

ประชาชนในละแวกยัน! เลียบด่วนรามอินทราพื้นที่เสี่ยง เกิดเหตุทุบรถ ฉกทรัพย์อยู่บ้าง

นายเรวัตร บัวพิม อายุ 45 ปี ผู้ดูแลพื้นที่ลาดจอดรถ ตลาดเลียบทางด่วนรามอินทรา เปิดเผยกับทีมข่าวฯ ว่า คดีคนร้ายทุบกระจกรถยนต์ไม่เคยเกิดที่ลานจอดรถตลาดแห่งนี้ เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่และสายสืบดูแลตลอด 24 ชม. ส่วนใหญ่จะเกิดบริเวณรอบนอกริมถนน บางครั้งร้านอาหารอาจมีที่จอดรถให้ไม่เพียงพอ ทำให้ลูกค้าต้องจอดรถริมถนน ซึ่งที่ผ่านมาเคยเกิดคดีทุบกระจกรถยนต์บริเวณนี้อยู่บ้าง แต่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก 

นายมานะ มีนาดะ อายุ 35 ปี พ่อค้า ตลาดเลียบทางด่วนรามอินทรา กล่าวว่า ที่ผ่านมาเคยได้ยินข่าวคดีคนร้ายทุบกระจกรถมาบ้าง แต่ยังไม่เคยพบเจอด้วยตัวเอง ส่วนตัวเคยเจอกรณีรถยนต์สูญหายไปทั้งคันเพียง 1 ครั้ง เหตุเกิดที่บริเวณถนนใต้ทางด่วนรามอินทรา แต่เท่าที่ทราบก็ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย

 

พ่อค้า ตลาดเลียบทางด่วนรามอินทรา

ขณะที่ ผู้ดูแลลานจอดรถร้านอาหารแห่งหนึ่ง ย่านเลียบทางด่วนรามอินทราเล่าให้ทีมข่าวฯ ฟังว่า ที่ผ่านมาเกิดเหตุคนร้ายทุบกระจกรถยนต์ขึ้นบ้าง แต่ก็ไม่บ่อย ล่าสุด เกิดขึ้นบริเวณริมถนนหน้าร้านเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา เกิดเหตุในช่วงเวลาประมาณ 22.00 น. เนื่องจากเป็นช่วงที่ลูกค้าเยอะ ลานจอดรถเต็ม ทำให้มีลูกค้าบางรายต้องจอดบริเวณริมถนนบ้าง ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าว ถนนเส้นนี้ค่อนข้างมืด รถสัญจรน้อย ซึ่งเกิดความเสี่ยงต่อการโดนทุบรถได้ เนื่องจากเป็นที่ลับตา ไม่สามารถดูแลได้ทั่วถึง 

นายสมชาย การัมย์ นักปั่นจักรยาน กล่าวว่า โดยปกติตนจะปั่นจักรยานบริเวณเลียบทางด่วนรามอินทราเป็นประจำ ถนนเส้นนี้ตอนกลางคืนจะค่อนข้างมืด รวมถึงมักจะมีกลุ่มวัยรุ่นขับขี่รถจักรยานยนต์บนท้องถนนบ่อย ซึ่งกลุ่มนักปั่นจักรยานจะทราบดีว่าโซนไหนอันตราย โดยเฉพาะถนนบริเวณร้านอาหาร ช็อคโกแลต วิลล์ เนื่องจากเป็นเส้นทางที่มืดและเปลี่ยว ซึ่งที่ผ่านมาเคยเกิดเหตุคนร้ายทุบกระจกรถและลักทรัพย์อยู่บ่อยครั้ง ทำให้นักปั่นจักรยานส่วนใหญ่ต้องระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ เนื่องจากต้องแขวนโทรศัพท์คาดเอวไว้ด้านหลัง อาจง่ายต่อการโดนฉกทรัพย์ได้ ดังนั้น ตนจะไม่ปั่นในช่วงเวลาดึกและเส้นทางที่เปลี่ยว เพราะกลัวเรื่องความปลอดภัย

 

นักปั่นจักรยาน ย่านเลียบด่วนรามอินทรา

ส่อง! ตัวเลขคดีทุบกระจกรถ สน.วังทองหลาง !? 

ร.ต.อ.สัญชัย คีรีรัตน์ รอง สว.สส.สน.วังทองหลาง ได้เปิดเผยถึงคดีคนร้ายทุบรถยนต์บริเวณถนนเลียบทางด่วนรามอินทราว่า ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมาในบริเวณพื้นที่ดังกล่าว มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความดำเนินคดีที่ สน.วังทองหลาง ทั้งหมด 2 คดี คือ วันที่ 7 พ.ค. 2558 เวลาประมาณ 21.30 น. เกิดเหตุคนร้าย จำนวน 2 คน ก่อเหตุทุบรถยนต์ลูกค้าที่สวนอาหารบ้านต้นซุง ทรัพย์สินที่สูญหายคือ โน๊ตบุ๊ก 1 เครื่อง ส่วนความคืบหน้าของคดีอยู่ระหว่างสืบสวน ยังไม่สามารถจับตัวคนร้ายได้ คดีที่ 2 เกิดเหตุเมื่อวันที่ 18 ก.ย. 2558 เวลาประมาณ 18.30-20.00 น. ที่ร้าน เฮลท์แลนด์ เลียบทางด่วนรามอินทรา ทรัพย์สินที่สูญหายคือ MacBookAir 1 เครื่อง และ iPad 1 เครื่อง ซึ่งความคืบหน้าของคดีอยู่ระหว่างการสืบสวน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามสัญญาณ iPad แล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถจับกุมตัวคนร้ายได้ 

นอกจากนี้ จากสถิติตัวเลขคดีทุบกระจก ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนกันยายน 2558 พบว่า มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความดำเนินคดีที่ สน.วังทองหลาง ทั้งสิ้น 12 คดี ดังนี้ มกราคม 1 ครั้ง, กุมภาพันธ์ 2 ครั้ง, มีนาคม 5 ครั้ง, พฤษภาคม 2 ครั้ง, สิงหาคม 1 ครั้ง และกันยายน 1 ครั้ง ซึ่งความคืบหน้าของคดีคนร้ายทุบกระจกรถยนต์ในปี 2558 ทั้งหมดนั้น ทาง สน.วังทองหลาง ยังไม่สามารถดำเนินการจับกุมคนร้ายได้ อยู่ระหว่างการสืบสวนคดี เนื่องจากทรัพย์สินที่สูยหายโดยส่วนใหญ่คือ iPad ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงติดตามจากสัญญาณ iPad แต่เมื่อตรวจสอบก็ไม่พบ นอกจากนี้ก็ไม่มีหลักฐานอื่นใดที่จะสามารถทราบตัวคนร้ายได้ เนื่องจากพื้นที่เกิดเหตุไม่มีกล้องวงจรปิด ทำให้ยากต่อการติดตามและสืบคดี

 

ถนนบริเวณเลียบทางด่วนรามอินทรา

ร.ต.อ.สัญชัย เสนอแนะวิธีป้องกันปัญหาการโดนทุบกระจกรถว่า ไม่ควรเอาทรัพย์สินหรือสิ่งของมีค่าไว้ในรถ ไม่ว่าในกรณีใดๆ เนื่องจากเป็นสิ่งล่อตาล่อใจโจรได้ง่าย พฤติการณ์คนร้ายโดยทั่วไปจะเลือกส่องดูภายในรถ ก่อนลงมือทุกครั้ง ถ้าส่องไฟแล้วพบว่ามีทรัพย์สินในรถ แม้แต่เป็นพื้นที่ที่มีคนพลุกพล่านคนร้ายก็สามารถลงมือได้ โดยใช้เวลาก่อเหตุเพียง 4 วินาทีเท่านั้น เพียงใช้วิธีงัดกระจกก็สามารถหยิบทรัพย์สินไปได้แล้ว เพราะฉะนั้นหากมีความจำเป็นต้องเก็บของไว้ในรถ ให้เก็บไว้ในกระโปรงท้ายรถแทนจะเป็นการดีที่สุด 

คดีไม่คืบหน้า ปัญหาคืออะไร เหตุไฉน..!? ตำรวจไทยทำงานล่าช้า 

พ.ต.ท.สัมพันธ์ เหลืองสัจจกุล รอง ผกก.สส.สน.วังทองหลาง กล่าวว่า ปัญหาการจับกุมคนร้ายคดีทุบกระจกรถยนต์โดยส่วนใหญ่มาจากหลักฐานที่ไม่เพียงพอ โดยหลักฐานสำคัญคือ กล้องวงจรปิด เนื่องจากการก่อเหตุแต่ละครั้งเกิดขึ้นในพื้นที่ลับตา ไม่มีกล้องวงจรปิด และไฟส่องสว่าง รวมถึงหากผู้เสียหายไม่สามารถจดจำรูปพรรณคนร้ายได้ ทำให้ยากต่อการจับกุมตัวคนร้าย 

“กลุ่มคนร้ายจะมีหลายรูปแบบ โดยส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มเดิมที่เคยกระทำความผิดมาแล้ว แต่กลับทำความผิดซ้ำอีก และอาจเป็นกลุ่มประเภทที่เกิดพฤติกรรมเลียนแบบ เช่น เห็นคนใกล้ตัวกระทำ อยากลองบ้าง จึงนำไปสู่การเรียนรู้วิชา ซึ่งบางคดีคนร้ายก่อเหตุจำนวน 2 คน รถจักรยานยนต์ 1 คัน บางคดีก่อเหตุร่วม 4 คน รถจักรยานยนต์ 2 คัน และบางคดีอาจใช้รถยนต์ในการก่อเหตุ โดยอาจจะแบ่งเป็นดูต้นทางและเข้าก่อเหตุ ส่วนพฤติการณ์คนร้ายส่วนใหญ่จะเลือกลงมือกับรถยนต์ที่จอดไว้ในพื้นที่เสี่ยง เช่น พื้นที่มืด ลับตาคน ไม่มีกล้องวงจรปิด รวมถึงส่องดูในรถก่อน ว่ามีกระเป๋าหรือทรัพย์สินมีค่าอยู่หรือไม่” พ.ต.ท.สัมพันธ์ ระบุ

 

ถนนเลียบด่วนรามอินทรา เป็นเส้นที่ไม่มีกล้องวงจรปิด และไฟส่องสว่าง

พ.ต.ท.สัมพันธ์ กล่าวถึงแนวทางการแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจังว่า ต้องมีการร่วมมือกันหลายฝ่าย โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจกับ กทม. ในเรื่องของความปลอดภัย เช่น ไฟส่องสว่าง กล้องวงจรปิด ในพื้นที่เปลี่ยวและที่เกิดเหตุบ่อยครั้ง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการทำหนังสือประสานเรื่องขอไฟส่องสว่างและกล้องวงจรปิดในพื้นที่เหล่านี้ไปบ้างแล้ว แต่เนื่องจากทาง กทม. ต้องใช้เวลาในการออกงบประมาณ รวมถึงปัจจุบัน สน.วังทองหลาง มีมาตรการให้เจ้าหน้าที่สายตรวจออกตรวจและซุ่มในพื้นที่เปลี่ยวมากขึ้น 

ผกก.สน.โคกคราม ชี้ รถเสี่ยงโดนทุบ ปัญหาหลัก คือ ความประมาท 

ด้าน พ.ต.อ.กิตติเชษฐ์ ศักยภาพวิชานนท์ ผกก.สน.โคกคราม กล่าวว่า คดีทุบกระจกรถยนต์ที่เกิดขึ้น ปัญหาหนึ่งอาจเกิดจากความประมาทของผู้เสียหายเอง เนื่องจากการนำรถไปจอดในที่มืดและลับตาคน โดยที่ไม่มีคนดูแลนั้นค่อนข้างอันตราย โดยเฉพาะกรณีลานจอดรถร้านอาหารเต็ม จึงต้องจอดรถไว้ข้างทางหรือริมถนน กรณีนี้ทำให้เกิดความเสี่ยงในการโดนทุบรถได้ง่าย แต่หากเป็นลานจอดรถของร้านอาหาร มีกล้องวงจรปิดและผู้ดูแลลานจอดรถ จะทำให้เกิดความเสี่ยงน้อย เพราะฉะนั้นจึงต้องย้ำเตือนเรื่องความประมาทในการเลือกพื้นที่จอดรถอยู่บ่อยครั้ง

 

พ.ต.อ.กิตติเชษฐ์ ศักยภาพวิชานนท์ ผกก.สน.โคกคราม

รวมตัวเลขคดีคนร้ายทุบกระจกรถ ในพื้นที่ สน.โคกคราม..!?

พ.ต.อ.กิตติเชษฐ์ เปิดเผยอีกว่า ตัวเลขคดีตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความคดีทุบกระจกรถยนต์ที่ สน.โคกคราม ทั้งหมด 6 ครั้ง คดีโจรกรรมรถยนต์ทั้งคัน 4 ครั้ง ทรัพย์สินที่สูญหายส่วนใหญ่ ได้แก่ แท็บเล็ต โน้ตบุ้ก โทรศัพท์มือถือ กระเป๋าสตางค์ และกระเป๋าเอกสารต่างๆ ซึ่งความคืบหน้าของคดีทั้งหมดอยู่ในขั้นตอนการสืบสวน ยังไม่สามารถจับกุมตัวคนร้ายได้ เนื่องจากสถานที่เกิดเหตุเป็นจุดอับและไม่มีกล้องวงจรปิด เบื้องต้นวิเคราะห์จากพฤติกรรมการก่อเหตุ คาดว่าคนร้ายเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่ใช้รถจักรยานยนต์ในการก่อเหตุ โดยไม่ได้เป็นขบวนการแต่อย่างใด 

ผกก.สน.โคกคราม กล่าวต่อว่า พฤติการณ์การก่อเหตุคนร้ายส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในช่วงเวลา 19.00-21.00 น. และหลัง 24.00 น. เป็นต้นไป โดยก่อนก่อเหตุคนร้ายจะมีการตระเวนสำรวจและเลือกลงมือกับรถที่คาดว่าจะจอดเป็นเวลานาน ซึ่งลักษณะการก่อเหตุเมื่อก่อนนั้น จะใช้ของแข็งพันด้วยผ้าในการทุบ เพื่อป้องกันการเกิดเสียงดังและการกระจายของกระจก แต่ปัจจุบันรถยนต์โดยส่วนใหญ่ติดฟิล์ม ทำให้กระจกไม่แตกกระจาย และหากคนร้ายที่เป็นมืออาชีพก็จะใช้ของแข็งที่มีลักษณะเป็นตัวดีด มีสปริงแรงดันสูงกดเข้าไปให้ตัวดีดวิ่งชนกระจก ซึ่งใช้เวลาในการก่อเหตุน้อยมาก

 

บริเวณตลาดเลียบด่วนรามอินทรา

ผกก.สน.โคกคราม เผย จัดทำพื้นที่เซฟตี้โซน สำรวจจุดเสี่ยง ลดปัญหาคดีทุบกระจกรถ 

พ.ต.อ.กิตติเชษฐ์ กล่าวถึงแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องพิมพ์บัตรเตือนภัย พื้นที่ที่ไม่ควรจอด และควรนำรถไปจอดในที่ที่มีกล้องวงจรปิดหรือมีแสงสว่างเพียงพอ เนื่องจากสามารถตรวจสอบได้ รวมถึงเตือนแต่ละชุมชนและร้านอาหารให้เพิ่มจำนวนผู้ดูแลลานจอดรถและกล้องวงจรปิดมากขึ้น นอกจากนี้ วิธีป้องกันเพิ่มเติมคือ อยากจะเตือนไปยังประชาชนว่าอย่านำทรัพย์สินมีค่าไว้ในรถโดยไม่จำเป็น ควรนำไปไว้ในส่วนกระโปรงท้ายหรือคอนโซลหน้ารถที่มีกุญแจล็อก เพื่อป้องกันการล่อสายตาของกลุ่มคนร้าย 

“ปัจจุบันทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่ละท้องที่กำลังจัดทำพื้นที่เซฟตี้โซน สำรวจจุดเสี่ยง เพื่อทำโครงการเพิ่มกล้องวงจรปิด ซึ่งขณะนี้อยู่ในระยะที่ 3 คือ การเดินเท้าตรวจตราร่วมกับประชาชนในพื้นที่ รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจมีมาตรการเพิ่มความถี่ในการตรวจสอบพื้นที่ที่เข้มงวดมากขึ้น โดยเฉพาะจุดเสี่ยงอันตรายและเกิดเหตุบ่อยครั้ง อีกทั้งมีมาตรการค้นหาผู้กระทำความผิดและเชิงป้องกัน โดยการตั้งจุดตรวจจุดสกัดในพื้นที่ต่างๆ เพื่อคอยสอดส่องรถต้องสงสัย เนื่องจากคนร้ายจะใช้ป้ายทะเบียนปลอมหรือไม่ติดป้ายทะเบียน ทั้งนี้ ประชาชนก็ต้องป้องกันทรัพย์สินของตนเองด้วยเช่นเดียวกัน”ผกก.สน.โคกคราม ระบุ 

 

เจ้าหน้าที่ตำรวจแต่ละท้องที่กำลังจัดทำพื้นที่เซฟตี้โซน สำรวจจุดเสี่ยง เพื่อทำโครงการเพิ่มกล้องวงจรปิด ทั้งนี้ ประชาชนก็ต้องป้องกันทรัพย์สินของตนเองด้วยเช่นเดียวกัน

อีกเคสตัวอย่าง! นักปั่นหวิดโดนฟัน ย่านเลียบด่วนรามอินทรา 

อย่างไรก็ตาม ไม่เพียงแค่คดีคนร้ายทุบกระจกรถเท่านั้น แต่ในพื้นที่บริเวณเลียบทางด่วนรามอินทรา เคยเกิดคดีอุกฉกรรจ์อีกคดีหนึ่งที่สร้างความสะเทือนขวัญแก่ประชาชนค่อนข้างมาก ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ขอย้อนกลับไปคดีที่เคยเกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 1 สิงหาคม 2558 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 24.00 น. เฟซบุ๊กชื่อ ธิติวัฒน์ แม็กกี้ รองทอง (Thitiwat Maggie Rongthong) ได้โพสต์ภาพและข้อความ ระบุว่า ขณะที่กำลังปั่นจักรยานมุ่งหน้าไปอาร์ซีเอ แต่ระหว่างทางบริเวณบึงพระราม 9 ถนนเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา มีวัยรุ่นขี่รถจักรยานยนต์แซงซ้ายมาจอดดักหน้า ที่ปากซอยเข้าชุมชนตรงบึงพระราม 9 โดยพูดจาหาเรื่อง พร้อมกับรีดไถเงิน และใช้ดาบยาวประมาณครึ่งเมตร ฟันที่รถจักรยานและพยายามทำร้าย แต่เคราะห์ดีที่ตนได้นำหมวกกันน็อกจักรยานมากันเอาไว้ ประกอบกับมีผู้คนในบริเวณนั้นมากขึ้น วัยรุ่นจึงหลบหนีไป โชคดีที่ตนไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด และเข้าแจ้งความไว้ที่ สถานีตำรวจวังทองหลาง

 

เฟซบุ๊กชื่อ ธิติวัฒน์ แม็กกี้ รองทอง (Thitiwat Maggie Rongthong) ได้โพสต์ภาพและข้อความ กรณีโดนกลุ่มวัยรุ่นไล่ฟัน

ทีมข่าวฯ จึงติดต่อสอบถามถึงความคืบหน้าของคดีจาก นายธิติวัฒน์ รองทอง นักปั่นจักรยานเจ้าของเรื่อง กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์วันนั้น ตนได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สน.วังทองหลาง แต่เนื่องจากว่าตนไม่มีหลักฐานใดๆ ในการจดจำตัวคนร้าย รวมถึงบริเวณนั้นไม่มีกล้องวงจรปิด ทำให้ไม่มีความคืบหน้าทางคดี ซึ่งตนก็ไม่ได้ติดใจเอาความแล้ว แต่อยากจะฝากเรื่องราวนี้ไว้เป็นอุทาหรณ์เตือนใจสำหรับคนที่ปั่นจักรยานคนเดียวตอนกลางคืน

 

ไม่มีความคืบหน้าทางคดี ซึ่งตนก็ไม่ได้ติดใจเอาความแล้ว แต่อยากจะฝากเรื่องราวนี้ไว้เป็นอุทาหรณ์เตือนใจ สำหรับคนที่ปั่นจักรยานคนเดียวตอนกลางคืน

“คดีทุบกระจกรถ” ถือเป็นอีกปัญหาที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า และเมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ยากที่จะได้ทรัพย์สินกลับคืนมา ดังนั้น เพื่อป้องกันการสูญเสีย ประชาชนเองก็ต้องระมัดระวังและรักษาทรัพย์สินของตนเองด้วยเช่นกัน...

JOBBKK.COM © Copyright All Right Reserved

Jobbkk has only one website. In no case, we have an affiliate, agent or appointee. Please do not rely on any other website, email, telephone, SMS or other contacting channel. If it is a case, we will prosecute under a lawsuit in the upmost as allowed. DBD

Top