ผู้สมัครงาน
เกี่ยวกับเรา
สหกรณ์โคนมหนองโพราชบุรี จำกัด(ในพระบรมราชูปถัมภ์) ดำเนินธุรกิจมาเป็นเวลากว่า 40 ปี โดยเริ่มแรกกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมได้ทำหนังสือกราบบังคมทูลต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว(ร.9) เมื่อปี พ.ศ.2512 เพื่อขอพระราชทานความช่วยเหลือในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน เพราะไม่มีสถานที่รับซื้อน้ำนมดิบ เมื่อความทราบถึงพระเนตรพระกรรณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (ร.9) พระองค์ทรงได้พยายามที่จะหาทางช่วยเหลือจนกระทั่งในปี พ.ศ.2513 นายทวิช กลิ่นประทุม ส.ส.ราชบุรีในสมัยนั้นได้จัดซื้อที่ดินบริเวณตำบลหนองโพ จำนวน 50 ไร่ ทูลเกล้าฯ ถวายพร้อมด้วยเงินจำนวน 1,000,000 บาท (หนึ่งล้านบาท) และมีผู้ทูลเกล้าฯ ถวายอีก 400,000 บาท (สี่แสนบาท) พระองค์จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งคณะกรรมการสร้างโรงงานนมผงขึ้น โดยได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เพื่อก่อสร้างอีกเป็นเงิน 1,002,000 บาท (หนึ่งล้านสองพันบาท) ในระหว่างก่อสร้างโรงงานนมผงนั้น กลุ่มผู้นำเกษตรกรตำบลหนองโพและเขตใกล้เคียงได้ขอความช่วยเหลือจาก ส.ส.ราชบุรี ในขณะนั้นคือ นายจรูญ วัฒนากร ได้ติดต่อมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เป็นผู้รับซื้อน้ำนมดิบ โดยเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมได้จัดตั้งศูนย์รวมนมหนองโพขึ้น เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ.2513
ต่อมาเกษตรกรสมาชิกของศูนย์รวมนมหนองโพ จำนวน 185 คน ได้เข้าชื่อจดทะเบียนเป็นสหกรณ์ โดยใช้ชื่อสหกรณ์โคนมราชบุรี จำกัด เป็นสหกรณ์ประเภทบริการ โรงงานผลิตนมผงสร้างเสร็จเมื่อปี พ.ศ.2515 โดยใช้ชื่อว่า "บริษัทผลิตภัณฑ์นมหนองโพ จำกัด" ต้นปี พ.ศ.2516 ได้มีการผลิตนมพาสเจอร์ไรส์เป็นครั้งแรก และในปีเดียวกันสหกรณ์โคนมราชบุรี จำกัด ได้ขอจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อเป็นสหกรณ์โคนมหนองโพราชบุรี จำกัด จัดเป็นสหกรณ์ประเภทการเกษตร
ต่อมาเมื่องานของสหกรณ์ฯ เจริญก้าวหน้าตามวัตถุประสงค์สมาชิกของสหกรณ์มีความเข้าใจในหลักของสหกรณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (ร.9) จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้โอนทรัพย์สินทั้งหมดของบริษัทผลิตภัณฑ์นมหนองโพ จำกัด พร้อมด้วยโรงงานผลิตนมผงให้เป็นกรรมสิทธิ์ของ สหกรณ์โคนมหนองโพราชบุรี จำกัด ตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ.2518 และทรงรับไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์
การเดินทาง
หางานตามสาขาอาชีพ
JOBBKK.COM © สงวนลิขสิทธิ์ All Right Reserved
jobbkk มีเพียงเว็บเดียวเท่านั้น ไม่มีเว็บเครือข่าย โปรดอย่าหลงเชื่อผู้แอบอ้าง และหากผู้ใดแอบอ้าง ไม่ว่าทาง Email, โทรศัพท์, SMS หรือทางใดก็ตาม จะถูกดำเนินคดีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด